เรียน ทุกท่าน
เราปรารถนาที่จะส่งต่อใบแจ้งข่าว โดย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เกี่ยวกับการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย (UPR)
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission)
ฮ่องกง
————-
เพื่อการเผยแพร่ทันที
AHRC-FPR-009-2012-TH
15 มีนาคม 2555
ใบแจ้งข่าวจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ส่งต่อโดยคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission: AHRC)
ประเทศไทย: ขอให้รัฐบาลทบทวน การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ในเขตพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกครั้ง
เผยแพร่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555
ใบแจ้งข่าว
ขอให้รัฐบาลทบทวนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ในเขตพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมยื่นจดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 2 ขอให้รัฐบาลทบทวนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกในครั้งต่อไป โดยขอให้พิจารณาถึงข้อมูลและข้อคิดเห็น ดังต่อไปนี้
1. การบังคับใช้พรก.ฉุกเฉินฯ เป็นการลดบทบาทของกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่คุ้มกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยเฉพาะบทบาทของศาล ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
2. ปี 2554 ศาลพิพากษายกฟ้องคดีความมั่นคง ถึงร้อยละ 78.50 เนื่องจากพยานหลักฐานที่ใช้ในการดำเนินคดีในชั้นพิจารณาที่ได้มาระหว่างการซักถามบุคคลตามพรก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเป็นเพียงคำซัดทอดหรือคำรับสารภาพที่เป็นพยานบอกเล่าจึงทำให้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการตัดสินลงโทษบุคคล ทำให้สาธารณะชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของรัฐ
3. ฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะตัวแทนของประชาชน ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเหตุและความจำเป็นในการประกาศ ควรมีการอภิปรายกันอย่างเปิดเผยภายใต้ระบบรัฐสภา รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน และภาควิชาการต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย
4. รัฐบาลไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามข้อเสนอแนะตามกลไก UPR ของ UN อย่างจริงจัง โดยเฉพาะข้อเสนอแนะที่ ให้ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงโดยทันที และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ สิทธิเด็ก ที่ให้รัฐบาลไทยทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคง และห้ามบังคับใช้กฎหมายพิเศษต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการกำหนดกรอบนโยบายการพิจารณาการประกาศการขยายระยะเวลาการบังคับใช้พรก.ฉุกเฉินฯ และขอให้รัฐบาลใช้ความพยายามในการสนับสนุนให้ทุกฝ่ายไม่ว่าภาครัฐหรือภาคประชาสังคมประสานงานร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแสดงข้อมูล ความคิดเห็นเพื่อหาทางออกแบบบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจังในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นจริง โดยยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินโดยทันทีย่อมจะส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจในประชาคมอาเซียนที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพพร้อมที่จะมีการพัฒนากรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งของรัฐและความมั่นคงของประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกันต่อไป
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ 02-6934939/ สิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ 089 873 1626
เอกสารประกอบ: สำเนาจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555
To support this case, please click here: SEND APPEAL LETTER
SAMPLE LETTER