เรียนทุกท่าน
เราขอส่งต่อจดหมายเปิดผนึกของ นางอังคณา นีละไพจิตร ภริยาของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิมที่ถูกบังคับให้สูญหาย เกี่ยวกับการสอบสวนคดีนายสมชาย การคุ้มครองพยาน และการบังคับบุคคลให้สูญหาย ที่มีถึงนายกรัฐมนตรี มายังท่าน
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย
ฮ่องกง
————-
เพื่อการเผยแพร่ทันที
AHRC-FOL-001-2010-TH
23 ธันวาคม 2552
จดหมายเปิดผนึกของ นางอังคณา นีละไพจิตร ที่มีถึงนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ส่งต่อโดย คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย
ประเทศไทย: ต้องการการเร่งรัดการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายสมชาย การคุ้มครองพยานอย่างมีประสิทธิภาพ และการออกกฎหมายให้การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นอาชญากรรม
23 ธันวาคม 2552
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
สำเนาถึง ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นับแต่ท่านเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งได้แถลงต่อสาธารณะ ถึงแนวคิดจะตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อรื้อฟื้นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากในรัฐบาลที่ผ่านมา คดีสำคัญหลายคดีถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกมองว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกทำให้ล่าช้า อีกทั้งผู้เสียหายยังถูกขัดขวางในการเข้าถึงความยุติธรรม ซึ่งหนึ่งในคดีต่างๆนั้น คือ คดีการบังคับให้สูญหายนายสมชาย นีละไพจิตร
จนปัจจุบัน ที่รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน ได้บริหารงานครบ 1 ปี แต่คดีการสูญหายของ นายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 กลับพบว่า ไม่มีความก้าวหน้าในทางคดีแต่อย่างใด ในขณะที่พยานสำคัญในคดีนี้ และครอบครัวต่างถูกข่มขู่ คุกคาม และไม่มีความมั่นใจ ในความปลอดภัยในชีวิต
ในฐานะผู้เสียหาย ดิฉันมีข้อเรียกร้องต่อท่าน ในฐานะผู้รับผิดชอบเต็มในการกำกับดูแล กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดังนี้
1. ขอให้เร่งรัดในการดำเนินการสืบสวนสอบสวน พบว่า จนถึงปัจจุบัน คดีการสูญหายของนายสมชาย นีละไพจิตร ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่มีความก้าวหน้า ตลอดระยะเวลา 4 ปีเศษ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้ามารับผิดชอบคดีนี้ ได้มีความพยายามเพียงการหาหลักฐาน ในแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดราชบุรี หลายครั้ง จนปัจจุบัน ได้มีการพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ซึ่งเชื่อว่า ถูกใช้ในการทำลายศพนายสมชาย จำนวน 4 ถัง และเศษกระดูกของมนุษย์จำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วทั้งหมด ไม่พบว่า มีสารพันธุกรรมตรงกับนายสมชาย นีละไพจิตร
2. การให้ความคุ้มครองพยานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการสูญหายของ นายสมชาย นีละไพจิตร มีความเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ในการทรมานผู้ถูกควบคุมตัว กรณีปล้นปืน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ด้วยความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม รวมถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองพยาน ทำให้พยาน และครอบครัวต่างได้รับการคุกคาม และไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ จนปรากฏหนึ่งในพยาน คือ นายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี ซึ่งรอที่จะเป็นพยานเบิกความในศาลอยู่หลายปี ภายใต้ความคุ้มครองพยาน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ต่อมาพบว่า มีข่าวการสูญหายของ นายอับดุลเลาะห์ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ขณะนี้เป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ ซึ่งหากการสูญหายของนายอับดุลเลาะห์ เป็นการถูกบังคับให้สูญหาย โดยไม่สมัครใจแล้ว ย่อมจะส่งผลกระทบต่อพยานในคดีนี้ และคดีอื่นๆในความมั่นใจในความปลอดภัย และความเชื่อมั่นในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ดิฉันจึงขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ โดยเร่งด่วน พร้อมทั้งเปิดเผยข้อเท็จจริงแก่สาธารณะทราบ
3. ขอให้มีการพิจารณาแก้กฎหมาย ให้การบังคับสูญหายโดยไม่สมัครใจ เป็นอาชญากรรม มีโทษตามกฎหมาย และขอให้รัฐบาลลงนาม และให้สัตยาบันในอนุสัญญาต่อต้านการบังคับให้บุคคลสูญหายโดยไม่สมัครใจ ขององค์การสหประชาติ (UN Convention Against Enforced and Involuntary Disappearances) เพื่อให้หลักประกันในการคุ้มครองประชาชนไทย จากการถูกบังคับให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเพื่อให้ครอบครัวผู้ถูกบังคับให้สูญหาย ซึ่งเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้
ดังเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า คดีการบังคับสูญหาย นายสมชาย นีละไพจิตร เป็นคดีหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และหลักนิติธรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะกับประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้รัฐบาลจะประสบความสำเร็จในการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา รวมถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ แต่สิ่งเดียวที่รัฐยังไม่เคยให้แก่ประชาชน คือ ความยุติธรรม และ ความเสมอภาคทางกฎหมาย ดิฉันจึงขอความกรุณามายังท่าน โปรดกำชับการดำเนินการของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้รีบเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน ด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อยุติวัฒนธรรมการงดเว้นโทษ (Impunity) เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของพยาน และเพื่อสร้างความความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้แก่พลเมืองไทยทุกคน
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นางอังคณา นีละไพจิตร
ข้อมูลเพิ่มเติม: นางอังคณา นีละไพจิต โทร.: + 66 84 728 0350