ประเทศไทย: แถลงการณ์นโยบายรัฐไทยกำลังสร้างความไม่มั่นคงทางสังคม ของแรงงานข้ามชาติที่ถูกกฎหมาย

นับตั้งแต่พ.ศ.2553สำนักงานประกันสังคมได้สัญญาว่าจะให้การคุ้มครองลูกจ้างแรงงานข้ามชาติที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ เข้ามาทำงานถูกกฎหมายและได้ขึ้นทะเบียนประกันตน จ่ายเงินสมทบว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ 7 กรณีเท่ากับแรงงานไทย ข้อสัญญาดังกล่าวถูกทำให้เป็นนโยบายโดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ .ศ . 2556โดยกำหนดให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการให้แรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 เข้าสู่ระบบประกันสังคมตามที่กฎหมายกำหนด

แรงงานข้ามชาติได้บากบั่นทำตามข้อกำหนดทุกขั้นตอนพวกเขาจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเพื่อทำให้ตัวเองถูกกฎหมายและเชื่อว่าจะได้รับสิทธิที่แท้จริงสมกับความพยายามหลังจากที่พวกเขาเข้าสู่กระบวนการแล้ว ซึ่งรวมถึงเป็นประตูไปสู่การได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ300บาทต่อวันการได้รับการคุ้มครองภายใต้ระบบประกันสังคมที่ได้สิทธิประโยชน์ 7 กรณีและหากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ลูกจ้างสามารถรับสิทธิกองทุนเงินทดแทนได้ แต่ว่ากลายเป็นว่าพวกเขากำลังถูกหลอก

มิใช่แค่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ค่าจ้าง300บาทจริงๆแล้วแต่ขณะนี้ดูเหมือนว่าสิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่พวกเขาจะได้รับทั้งเจ็ดประการกำลังถูกทำให้ลดลงไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อวันที่28พฤษภาคมพ.ศ.2556นพ.สมเกียรติฉายะศรีวงศ์ปลัดกระทรวงแรงงานได้เปิดเผยว่าตนได้ศึกษาข้อกฎหมายและมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ไอแอลโอ)ทำให้โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรให้แรงงานต่างด้าวได้รับสิทธิประโยชน์ประกันสังคมเท่าเทียมกับแรงงานไทยทั้งหมดควรออกเป็นกฎหมายเฉพาะโดยจากคำให้สัมภาษณ์ดูเหมือนว่าแรงงานหญิงจะตกเป็นเป้าในการจำกัดสิทธิที่ชัดเจนในขณะที่กรณีคลอดบุตรยังคงได้รับการคุ้มครองเฉพาะการทำคลอด แต่แรงงานหญิงจะถูกยกเว้นเงินทดแทนการขาดรายได้ในช่วงที่ลาคลอด และกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวเห็นความสำคัญของการคุมกำเนิด เพื่อไม่ให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทยเพราะแรงงานเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำงานในไทยระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นและกรณีชราภาพควรปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินในรูปแบบบำเหน็จแทนการจ่ายเงินแบบบำนาญปลัดกระทรวงแรงงานยังกล่าวด้วยว่าส่วนกรณีว่างงานนั้นแรงงานต่างด้าวไม่ควรได้รับความคุ้มครองเนื่องจากเข้ามาทำงานในไทยด้วยความสมัครใจเมื่อพ้นสภาพการทำงานจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายคนเข้าเมือง โดยต้องเดินทางออกจากประเทศไทยภายใน 7 วัน 1

มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation) ซึ่งทำงานเพื่อส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติรู้สึกตกใจและผิดหวังที่แนวคิดทางนโยบายเสนอให้มีระบบประกันสังคมสองระดับที่แตกต่างของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติซึ่งจะมีผลให้แรงงานข้ามชาติกลายเป็นพลเมืองชั้นสองอย่างเป็นระบบ นอกจากนั้นจากการรายงานข่าวของ สำนักข่าวแห่งชาติกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 2 ระบุด้วยว่าสำนักงานประกันสังคมได้แก้ไข พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 โดยกำหนดให้แรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้ประกันตนจะไม่ได้รับสิทธิครบ 7 กรณี โดยตัดสิทธิกรณีว่างงาน คลอดบุตรและสงเคราะห์บุตรออกไป เหตุผลที่ให้คือเนื่องจากไม่ต้องการให้แรงงานต่างด้าวมาตั้งรกรากในไทย

นโยบายดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานการเลือกปฏิบัติและจะสร้างความตึงเครียดความเป็นปรปักษ์ระหว่างแรงงานข้ามชาติและสังคมไทยอีกทั้งยังขัดต่อหลักการและเจตจำนงของประเทศไทยในฐานะที่เป็นรัฐภาคีต่ออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ซึ่งในข้อ11 (2) ได้ระบุว่าเพื่อที่จะป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อสตรีด้วยเหตุผลอันเนื่องมาจากการแต่งงานหรือความเป็นเพศมารดา และเพื่อประกันสิทธิอันแท้จริงของสตรีในการที่จะทำงานรัฐภาคีจะใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อห้ามภายใต้การบังคับใช้ของข้อห้ามต่าง ๆ ไม่ให้มีการปลดเพราะเหตุแห่งการตั้งครรภ์ หรือเพราะการลาคลอดบุตร รัฐต้องริเริ่มให้มีการลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้าง หรือได้

ผลประโยชน์ทางสังคมที่เปรียบเทียบได้โดยไม่สูญเสียการงานเดิมอาวุโสในการทำงานหรือเงินช่วยเหลือทางสังคมพันกรณีในข้อนี้ยังกำหนดให้รัฐส่งเสริมให้มีการจัดตั้งและพัฒนาขอบข่ายของสวัสดิการด้านการเลี้ยงดูเด็ก ยิ่งกว่านั้น

ประเทศไทยจักต้อง ใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีโดยบุคคล องค์การหรือวิสาหกิจใดๆ และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งถูกกำหนดไว้ในข้อ 2-5 โดยสิทธิดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือละเมิดได้รัฐไทยในฐานะที่เป็นประเทศภาคีมีความผูกพันที่จะประกันสิทธิและงดเว้นจากการเข้าไปพัวพันในการกระทำหรือการปฏิบัติใด ๆ เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อสตรี และรับประกันว่าเจ้าหน้าที่และสถาบันของรัฐจะปฏิบัติโดยสอดคล้องกับข้อผูกพันนี้ ดังนั้นระบบประกันสังคมสองระดับที่แตกต่างที่มีการเสนอนั้นจะเป็นการสร้างมิใช่การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี

ทั้งนี้สหภาพแรงงานไทยและเครือข่ายภาคประชาชนได้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ…..(ฉบับบูรณาการแรงงาน)โดยข้อเสนอบางส่วนเสนอให้มีการขยายการคุ้มครองไปสู่ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ รวมถึงลูกจ้างที่ทำงานในบ้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่าอัตราที่แรงงานนอกระบบจะต้องสมทบ รวมถึงปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารงานที่ต้องมีการอภิบาลเนื่องจากข้อห่วงใยหลักของผู้ประกันตนคือการที่โครงสร้างในขณะนี้ของกองทุนประกันสังคม ก่อให้เกิดการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้และจะส่งผลให้กองทุนไม่สามารถจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนทุกคนตามสิทธิที่มีได้โดยร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมที่เสนอโดยผู้ใช้แรงงานและประชาชนนั้นมีเนื้อหาคลอบคลุม มีเจตจำนงเพื่อให้เกิดความมีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการของผู้ประกันตน และสร้างอำนาจให้กับผู้ใช้แรงงานในการเข้าร่วมเป็นกรรมการกองทุนประกันสังคม แต่สภาผู้แทนราษฎรกลับลงมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมฉบับดังกล่าว

เราได้แต่หวังว่าการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในวาระต่อไปนั้นจะไม่รับหลักการ และหรือร่างกฎหมายใดๆที่เสนอให้มีระบบประกันสังคมสองระดับที่แตกต่าง ที่มีการเลือกปฎิบัติและไม่สามารถทำให้แรงงานข้ามชาติได้รับประโยชน์และสิทธิที่เท่าเทียม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณปรานม สมวงศ์ โทร 6683-1887600 ,+60192371300 อีเมล์ p_somwong@yahoo.com
คุณ Jackie Pollock โทร 6685-0395216 อีเมล์ jackie_pollock@yahoo.com
คุณ ตุ่มหมอกหาญ โทร 6689-4315406 อีเมล์toommawkharn@gmail.com

Document Type : Forwarded Statement
Document ID : AHRC-FST-034-2013-TH
Countries : Thailand,
Issues : Child rights, Judicial system, Migrant workers, Right to health, Rule of law,